นิติกรรม แบบนิติกรรม ความสมบูรณ์ของนิติกรรม
นิยาม
ประมลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตาร 149 บัญญัติว่า “นิติกรรม หมายความว่า การใดๆ อันกระทำลงโดยชอบด้วยกฏหมาย
และด้วยใจสมัคร มุ่งตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล
เพื่อจะก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ”
หลักเกณท์ในการพิจณาความสมบูรณ์ของนิติกรรม
1. ความสามารถของผู้ทำนิติกรรม
2. วัตถุประสงค์ของนิติกรรม
3. แบบของนิติกรรม
4. การแสดงเจตนาทำนิติกรรม
“การใดมิได้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฏหมายว่าด้วยความสามารถของบุคคล
การนั้นเป็นโมฆีนะ”ความ สามารถของนิติกรรม
นับว่าเป็นข้อสำคัญเบื้องต้นที่จะต้องคำนึงถึงเป็นประการแรก ทั้งนี้เพราะหากผู้ทำนิติกรรมมีความสามารถบกพร่องก็จะเป็นผลให้นิติกรรมที่
แสดงออกมานั้นมีผลเสื่อมเสียไปด้วยดังนั้นผู้ศึกษาจึงควรมีความเข้าใจในหลักฏกหมายที่บัญญติเกี่ยวกับความสามารถของบุคคลในการทำนิติกรรมก่อน
วัตถุประสงค์ของนิติกรรม
“วัตถุประสงค์ของนิติกรรม คือ
สิทธิหรือประโยชน์ที่ผู้แสดงเจตนาทำนิติกรรมมุ่งประสงค์และกำหนดขึ้นในการทำนิติกรรม”[2]
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า วัตถุประสงค์ของนิติกรรม คือ
เจตนาที่ผู้แสดงเจตนาต้องการให้ปรากฏผลอย่างใดๆขึ้น ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 บัญญัติว่า “การ ใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยชัดแจ้ง
ด้วยกฎหมาย เป็นการพ้นวิสัย หรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็น โมฆะ” จากตัวบทของมาตราดังกล่าว
สามารถแบ่งได้ดังนี้
(ก)
มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยชัดแจ้งด้วย กฎหมาย
ในกรณีนี้ต้องดูเป็นเรื่องว่าฏกหมายห้ามอะไรบ้าง
คนต่างด้าวซื้อที่ดินโดยคนไทยเป็นผู้รับโอนแทน
วัตถุประสงค์ของสัญญาซื้อขายจึงเป็นการต้องห้ามโดยชัดแจ้งโดยกฏหมาย
เพราะขัดต่อประมวลกฏหมายที่ดิน พ.ศ.2497 จึงตกเป็นโมฆะตามมาตร 113 (ปัจจุบันคือ มาตรา 150)[3]
(ข) เป็นการพ้นวิสัย
“กิจการใดมีวัตถุประสงค์เป็นการพ้นวิสัย
ย่อมหมายความว่าประโยชน์หรือผลสุดท้ายที่คู้สัญญามุ่งประสงค์จะได้รับนั้น
ไม่อาจอยู่ในวิสัยที่จะประสบผลสำเร็จได้เลยอย่างแน่แท้”[4]
(ค) เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ในเรื่องนี้กฏหมายได้บัญญัติไว้อย่างกว้างๆ ไม่มีบทวิเคราะห์ศัพท์ไว้
ดังนั้นผู้ศึกษาจึงต้องศึกษาความหมายของเรื่องนี้จากคำอธิบายของนักวิชาการ
ทางนิติศาสตร์และแนวคำพิพากษาฏีกา
ศ.ดร.จิ๊ด เศรษฐบุตร ได้อธิบายไว้ [5] สรุปได้ว่า
หลักการเรื่องความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำแนกออกเป็น 2ประการ
คือ ความสมเรียบร้อยทางการเมือง และความสงบเรียบร้อยทางเศรษฐกิจ
โดยทั่วไปการแสดงเจตนาทำนิติกรรมไม่ต้องมีแบบแต่อย่างไรแต่ในบางกรณีกฏหมายได้
กำหนดวิธีแสดงเจนตาทำนิติกรรมหรือแบบของนิติกรรมไว้ อาทิ
การซื้อขายอสังหริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์พิเศษ สัญญาเช่าซื้อ การทำผิดนัยกรรม
โดยในแต่ละเรื่องกฏหมายก้มีบทบัญญัติที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ “ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติบังคับให้นิติกรรมสัญญาบางประเภทต้องทำตามแบบ
ถ้าฝ่าฝืนไม่ทำตามแบบ การนั้นเป็นโมฆะ (ป.พ.พ. มาตรา 152)”
การแสดงเจตนาทำนิติกรรม
ในการจะพิจารณาว่านิติกรรมมีความสมบูรณ์บังคับกันได้หรือไม่เพียงใดนอกจากจะ
ดูหลักเกณฑ์ทั้งประการที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น
ยังมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ
หลักเกณฑ์ว่าด้วยการแสดงเจตนาของคู่สัญญา โดยมีกฏหมายบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้
ในประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ๑ ลักษณะ๔ หมวด๒ มาตรา ๑๕๔-๑๗๑ อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
(Computer Crime)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น